2552-09-20

heaven




Heaven
: original by Bryan Adams


Oh - thinkin' about all our younger years
There was only you and me
We were young and wild and free

Now nothin' can take you away from me
We bin down that road before
But that's over now
You keep me comin' back for more

Baby you're all that I want
When you're lyin' here in my arms
I'm findin' it hard to believe
We're in heaven

And love is all that I need
And I found it there in your heart
It isn't too hard to see
We're in heaven

Oh - once in your life you find someone
Who will turn your world around
Bring you up when you're feelin' down

Ya - nothin' could change what you mean to me
Oh there's lots that I could say
But just hold me now
Cause our love will light the way

N' baby you're all that I want
When you're lyin' here in my arms
I'm findin' it hard to believe
We're in heaven
And love is all that I need
And I found it there in your heart
It isn't too hard to see
We're in heaven

I've been waitin' for so long
For something to arrive
For love to come along

Now our dreams are comin' true
Through the good times and the bad
Ya - I'll be standin' there by you

......................................................................................

This one of my favorite song.
ถ้าให้ได้ใจจริงๆ ต้องให้ Bryan Adams เล่นกีต้าร์
แต่ถ้าพูดถึงกีต้าร์ต้อง Eric Clapton
ฝีมือปู่เข้าขั้นหัตเทวะเลยล่ะ
นิสาเลยโคตรจะรัก tears in heaven เลย
ฟังทีน้ำตาจะร่วง
(อย่าถามว่าชอบอีกเพลงแล้วทำไมเอาเพลงนี้มา)



2552-09-14

ความล้มเหลวเชิงบวก





"เชคสเปียร์เป็นกวีที่ยอดเยี่ยม...

แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นกวีที่ไม่เคยทำอะไรผิดพลาด

อัจฉริยะของเขาอยู่ตรงที่เขาเอาชนะความผิดพลาดของตัวเองได้"

:Charls Nicole

:Leonado Da Vinci

The Flights of the mind








เมื่ออาทิตย์ก่อนนิสาต่อสายหาเพื่อนสนิทที่แดนอาทิตย์อุทัยเพื่ออวดว่าตัวเองได้เข้ารับประกาศนียบัตรเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เพื่อนตอบกลับมาว่า "เขารู้อยู่แล้วแหละว่าแกต้องได้" มันพูดออกมาทั้งที่เราเคยเรียนซ้ำชั้นตอนอยู่โรงเรียนสอนภาษาด้วยกัน มันทำให้นิสาต้องหัวเราะออกมา แล้วก็ถามตัวเองว่า เราได้อะไรจากการเรียนซ้ำชั้นในครั้งนั้น


ที่โรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น คะแนนที่จะสามารถผ่านเพื่อเลื่อนขึ้นชั้นถัดไปคือ 80% อีก 4 คะแนนนิสาจะสอบผ่าน แต่ก็นั่นแหละ...ต้องซ้ำชั้นตั้งหนึ่งเทอม(สามเดือน) เพราะตอนนั้นทำงานพิเศษหนักเพื่อหาเงินเที่ยว และตัวเองไม่กดดันมากเพราะไม่จำเป็นต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยเหมือนเพื่อน เลยไม่ค่อยใส่ใจ จนลืมไปว่าการเรียนภาษาต้องหมั่นฝึก อยากเขียนให้เก่งต้องหมั่นเขียน อยากพูดให้คล่องต้องหมั่นพูด ไอ้พูดน่ะได้เพราะต้องใช้ที่ทำงานทุกวัน ถูกบ้างไม่ถูกบ้างภาษามือช่วยได้ แต่หลักไวยากรณ์และคันจิที่ต้องท่องและฝึกเขียนแทบไม่ได้แตะ ผลสรุปคือต้องซ้ำชั้นนั่นเอง

ถามว่ามันเป็นหายนะในชีวิตมั้ย?

นิสาตอบได้เลยว่าไม่!


การที่คนคนหนึ่งสอบตก ติดศูนย์ ติดเอฟ เอ็นท์ไม่ติด ไม่ได้เป็นตัวกำหนดว่าเราโง่ตลอดทั้งชาติ มันไม่ได้ทำให้คุณค่าในตัวเราลดน้อยลงไปซักเท่าไหร่นักหรอก คุณสมบัติที่ติดตัวมนุษย์มาแต่เกิดยากที่สัตว์ชนิดไหนจะลอกเลียนแบบคือ"การเรียนรู้" เมื่อรู้ว่าสิ่งที่เราทำไปมันผิดพลาด เราก็เรียนรู้ที่จะแก้ไข ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง


นิสาเลือกที่จะลดงานพิเศษลง เลิกจับกลุ่มเฉพาะคนไทย คบเพื่อนต่างชาติมากขึ้น(ซึ่งเป็นที่น่าดีใจว่าเพื่อนคนไทยส่วนมากเลื่อนไปชั้นสูงกว่าเรา และส่วนน้อยอยู่ชั้นต่ำกว่าเรา) นิสากับเพื่อนจึงมีโอกาสไปเที่ยวกับเพื่อนต่างชาติบ่อยมาก และนั่นก็ทำให้คะแนนของเราพุ่งสูงเป็นอันดับต้นๆ ของห้อง เพราะอยู่สองคนจึงต้องช่วยติวให้กัน สองเทอมสุดท้ายนิสาได้คะแนน 93% และ 96% ได้ใบประกาศเรียนดีและไม่เคยขาดเรียนด้วย ณ ตอนนี้นิสามีประกาศนียบัตรภาษาญี่ปุ่นถึงสองใบ(จากโรงเรียนและมหาวิทยาลัย)

นั่นคือสิ่งที่เราสองคนเรียนรู้ผ่านความผิดพลาด...

.

.

.

รู้จักผู้พันแซนเดอร์สกันใช่มั้ยคะ ต้นตำรับ KFC ที่เราๆ กินกันอยู่ทุกวันนี่แหละ รู้มั้ยว่าเขาประสบความสำเร็จในการขายไก่ทอดเมื่ออายุ 65 ปี แก่ไปสำหรับความสำเร็จมั้ยคะ? นิสาว่าไม่นะ เขาบอกว่าผู้พันเคยคิดฆ่าตัวตายเพราะตลอดทั้งชีวิตเขาไม่เคยพานพบกับคำว่า"สำเร็จ" แม้แต่ครั้งเดียว แต่พอคิดดูดีๆ เขากลับพบว่าตัวเองเก่งเรื่องทำอาหาร เขาจึงตัดสินใจไปที่ธนาคารเพื่อกู้เงิน ได้เงินมา 87 $ เขานำเงินนั้นไปซื้อไก่และกล่องกลับมาที่บ้าน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของไก่ KFC และเป็นความสำเร็จครั้งแรกในชีวิตของชายวัย 65 ปี

อีกหนึ่งคนคือ โทมัส อัลวา เอดิสัน คนที่ประดิษฐ์หลอดไฟหลอดแรกของโลกนั่นแหละค่ะ เขาเคยลองผิดลองถูกกว่าหนึ่งพันวิธีกว่าจะได้หลอดไฟหลอดนั้นมา หลายคนมองว่าเขาล้มเหลวพันครั้ง แต่เขากลับบอกว่า "ผมไม่ได้ล้มเหลวหนึ่งพันครั้ง ผมแค่ค้นพบหนึ่งพันวิธีที่ทำหลอดไฟไม่ได้เท่านั้นเอง" ปัจจุบันยังคงไม่มีใครทำลายสถิติการจดสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ของเขาได้เลย

ประวัติของคนที่ขึ้นชื่อว่าประสบความสำเร็จอันดับต้นๆ ของโลก ร้อยทั้งร้อยไม่มีใครประสบความสำเร็จตั้งแต่เริ่มต้นหรอกค่ะ ข้อมูลทางสถิติบอกว่า นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จนั้นมักจะพบกับความผิดพลาดโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3.8 ครั้ง แม้แต่บิล เกตส์ เจ้าของไมโครซอฟต์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกยังเคยถูกปฎิเสธจากแมคอินทอชตอนที่เขาไปสมัครงานเลย

"ถ้าเราไม่กลัวที่จะล้มเหลว ในโลกนี้ก็ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวอีกแล้ว" เป็นหนึ่งคำพูดของคุณหนูดีที่นิสาจำได้แม่นมาก แม้การนำมาปฎิบัติจะไม่ใช่เรื่องง่ายก็ตาม แต่อย่างน้อยเริ่มต้นที่ในห้องเรียนเราก็ยังดีกว่าไม่ได้เริ่มนะคะ กล้าคิด กล้าถาม โดยใช้ตรรกะที่สมเหตุสมผล อาจทำให้เราประสบความสำเร็จเร็วขึ้นก็ได้


  • ความล้มเหลวไม่ใช่เรื่องที่จะหลีกเลี่ยงได้ มันเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จต่างหาก

  • ความล้มเหลวหนึ่งครั้งไม่ได้เป็นตัวกำหนดทุกสิ่ง

  • คนที่จะบอกได้ว่าอะไรคือ "ความล้มเหลว" นั่นก็คือตัวเรา

  • ความล้มเหลว ไม่ใช่ศัตรู

  • ความล้มเหลว แก้ไขได้

  • ความล้มเหลวไม่ใช่รอยด่างพร้อยในชีวิต

  • ความล้มเหลวไม่ใช่บทสรุปสุดท้ายในชีวิต

..........................................................


ถ้ากล้าที่จะลองผิด ก็จะมีทางให้เราลองถูกได้เอง...คิดงั้นมั้ยคะ?















2552-09-07

"test"



date

time

subject

section

room

09/29

15.00 – 18.00

AE201

12

PT201

10/01

15.00 – 18.00

ST201

2

PV401

10/02

08.00 – 11.00

GS100

1

GK403

10/02

15.00 – 18.00

EC201

1

CH313-4

10/05

08.00 – 11.00

AC211

2

PV401


ตารางสอบออกแล้วคับพี่น้อง
ดูตารางแล้วก็...อืม
จะว่าไงดี กลัวตายตอนจบหรือเปล่า?
อันนี้ไม่แน่เพราะบัญชีเทอมนี้กลัวตายสุดแล้ว
ยากกว่ากฎหมายตอนเทอมแรกเสียอีก
ตอนนั้นยังได้แค่ B+ เอง
เทอมนี้จะได้เกรดเท่าไหร่ยังไม่อยากคาดหวัง
เคยคิดว่าอยากให้เมเจอร์ได้ A ทุกตัว
วิชาอื่นก็ขอให้ทำดีที่สุดเป็นพอ
แต่ตอนนี้กำลังใจเริ่มถดถอย...นิดหนึ่ง
แต่คาดหวังให้ตัวเองทำให้ดีที่สุด


ดีแต่เริ่มอ่าน GS100 ไว้บ้างแล้ว
วิชานี้ไม่ยากมากเสียแต่เยอะ
ข้อสอบปลายภาคแค่เก้าสิบข้อเลยไม่รู้จะออกตรงไหน
คาดเดาไม่ค่อยถูกเลยต้องอ่านดะไว้ก่อน
วันนี้คงต้องเริ่มสถิติเสียทีหลังจากที่นั่งง่วงตลอดภาคเรียน
เป็นเหมือนกันใช่มั้ย?คาบสถิติต้องง่วงทุกที
แล้วก็บัญชี เศรษฐศาสตร์ AC219
วนลูปเช่นนี้ไปเรื่อยๆ
สองสัปดาห์ไม่นานเลยสำหรับเวลาเตรียมสอบ


และแล้ว...ไปๆ มาๆ ก็ได้ตารางอ่านหนังสือมาเช่นนี้แล

date

subject

time

Monday

ST201

AC211

1hr

2hrs

Tuesday

EC201

GS100

2hrs

2hrs

Wednesday

AC219

AC211

1hr

2hrs

Thursday

ST201

EC201

2hrs

1hr

Friday

AC219

GS100

2hrs

2hrs

Saturday

AC211

ST201

EC201

GS100

2hrs

2hrs

2hrs

2hrs

Sunday

AE201

AC219

AC211

2hrs

2hrs

2hrs



ST201 > 5hrs/week = 10
AC211 > 8hrs/week = 16
EC201 > 5hrs/week = 10
GS100 > 6hrs/week = 12
AC219 > 5hrs/week = 10
AE201 > 2hrs/week = 4

สองสัปดาห์นับจากนี้คงตามแพลนนี้
ส่วนสัปดาห์สุดท้ายก็เป็นเก็บตก
มาดูซิว่านิสาจะหาเรื่องฆ่าตัวตายหรือเปล่า
แต่ดูแล้วก็ไม่หนักหนานะ
อ่านไหวแน่ๆ แต่จะเก็บได้แค่ไหน...อืม
...ค่อยว่ากันอีกที

ชิวไปมั้ยเนี่ย?


head


คติประจำใจช่วงนี้...HERE AND NOW

...ที่นี่ และ เดี๋ยวนี้...

เพราะถ้าปล่อยให้ถึงพรุ่งนี้...อาจสายเกินไป



2552-09-01

breathing...

When I thought I was learning to live
I was also learning to die.

:Leonado Da Vinci


ว่ากันว่า...มนุษย์เราจะรู้ค่าของการมีชีวิตอยู่มากที่สุดก็ต่อเมื่อลมหายใจห้วงสุดท้ายใกล้มาถึง

ตั้งแต่ลืมตาดูโลก เราเคยถามตัวเองบ้างไหมว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร มีอะไรที่เราพร้อมจะตายเพื่อมัน ในขณะที่ชีวิตยังอยู่ดี ไม่มีเรื่องทุกข์ร้อน เรามักจะคิดว่าคำถามเหล่านี้ำไกลตัวนัก หากลองมองดูดีๆ แล้ว เราก็จำต้องยอมรับกับตัวเองว่า สิ่งที่เราคิดว่าอยู่ไกลตัวนั้น วันหนึ่งมันจะหมุนวน เคลื่อนซ้อน ทาบทับกับชีวิตของเราอย่างหลีกหนีไม่ได้ และหากเวลานั้นมาถึง สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด บางที...อาจเป็นแค่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายก็เป็นได้

ความตายไม่ใช่สิ่งไกลตัว แท้จริงแล้วมันอาจเป็นแค่ลมวูบเดียวที่พัดผ่าน ไม่อาจยื้อ ไม่อาจหลีกหนี แต่จะมีใครซักกี่คนที่สามารถทำใจยอมรับความตายได้อย่างแท้จริง มนุษย์เราทุกคนกลัวเจ็บ กลัวจน กลัวอด กลัวตาย กลัวไม่เป็นที่นับหน้าถือตา เมื่อมีชีวิตอยู่ เราจึงไขว่คว้าให้ได้มาซึ่งความสุขทางกายอันไม่มั่นคง หากจะลองหยุดคิดสักนิด กฎไตรลักษณ์ที่เราๆ ท่านๆ รู้กันดี...เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่มีอะไรเที่ยงแท้และแน่นอน และความไม่แน่นอนนี่แหละคือสิ่งเดียวที่จีรังที่สุด เพียงแค่เรายอมรับกฎข้อนี้ได้ ความตายก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวเลย

ลมหายใจเป็นสิ่งมีค่า ทุกวินาทีที่หายใจเข้าออกคือสิ่งที่เราต้องตระหนักรู้ สร้างคุณค่านั้นด้วยตัวเราเอง ไม่ต้องรอให้ใครมาสรรเสริญเยินยอหรือเหยียบย่ำ ให้รู้สึกภาคภูมิหรือไร้ค่าเพราะลมปากคน ลองหลับตานึก ภาพของเราตอนอายุ 80 ปี ย้อนคิดกลับมาถึงวันนี้ที่เรายังหายใจอยู่ แล้วลองถามตัวเอง...อะไรที่เราจะเสียดายที่สุดหากไม่ได้ทำ ที่ไหนที่เราอยากไปมากที่สุดในขณะที่ยังหายใจ ใครที่เราอยากอยู่ด้วยที่สุดในขณะที่เขายังหายใจเช่นเรา หาคำตอบให้ตัวเองให้ได้ แล้วคุณอาจจะรู้ว่าชีวิตของคุณ...เกิดมาเพื่ออะไร?




แด่ Leonado Da Vinci
ผู้ชายที่เป็นดั่งศาสดาของศาสนาใหม่