2552-09-14

ความล้มเหลวเชิงบวก





"เชคสเปียร์เป็นกวีที่ยอดเยี่ยม...

แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นกวีที่ไม่เคยทำอะไรผิดพลาด

อัจฉริยะของเขาอยู่ตรงที่เขาเอาชนะความผิดพลาดของตัวเองได้"

:Charls Nicole

:Leonado Da Vinci

The Flights of the mind








เมื่ออาทิตย์ก่อนนิสาต่อสายหาเพื่อนสนิทที่แดนอาทิตย์อุทัยเพื่ออวดว่าตัวเองได้เข้ารับประกาศนียบัตรเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เพื่อนตอบกลับมาว่า "เขารู้อยู่แล้วแหละว่าแกต้องได้" มันพูดออกมาทั้งที่เราเคยเรียนซ้ำชั้นตอนอยู่โรงเรียนสอนภาษาด้วยกัน มันทำให้นิสาต้องหัวเราะออกมา แล้วก็ถามตัวเองว่า เราได้อะไรจากการเรียนซ้ำชั้นในครั้งนั้น


ที่โรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น คะแนนที่จะสามารถผ่านเพื่อเลื่อนขึ้นชั้นถัดไปคือ 80% อีก 4 คะแนนนิสาจะสอบผ่าน แต่ก็นั่นแหละ...ต้องซ้ำชั้นตั้งหนึ่งเทอม(สามเดือน) เพราะตอนนั้นทำงานพิเศษหนักเพื่อหาเงินเที่ยว และตัวเองไม่กดดันมากเพราะไม่จำเป็นต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยเหมือนเพื่อน เลยไม่ค่อยใส่ใจ จนลืมไปว่าการเรียนภาษาต้องหมั่นฝึก อยากเขียนให้เก่งต้องหมั่นเขียน อยากพูดให้คล่องต้องหมั่นพูด ไอ้พูดน่ะได้เพราะต้องใช้ที่ทำงานทุกวัน ถูกบ้างไม่ถูกบ้างภาษามือช่วยได้ แต่หลักไวยากรณ์และคันจิที่ต้องท่องและฝึกเขียนแทบไม่ได้แตะ ผลสรุปคือต้องซ้ำชั้นนั่นเอง

ถามว่ามันเป็นหายนะในชีวิตมั้ย?

นิสาตอบได้เลยว่าไม่!


การที่คนคนหนึ่งสอบตก ติดศูนย์ ติดเอฟ เอ็นท์ไม่ติด ไม่ได้เป็นตัวกำหนดว่าเราโง่ตลอดทั้งชาติ มันไม่ได้ทำให้คุณค่าในตัวเราลดน้อยลงไปซักเท่าไหร่นักหรอก คุณสมบัติที่ติดตัวมนุษย์มาแต่เกิดยากที่สัตว์ชนิดไหนจะลอกเลียนแบบคือ"การเรียนรู้" เมื่อรู้ว่าสิ่งที่เราทำไปมันผิดพลาด เราก็เรียนรู้ที่จะแก้ไข ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง


นิสาเลือกที่จะลดงานพิเศษลง เลิกจับกลุ่มเฉพาะคนไทย คบเพื่อนต่างชาติมากขึ้น(ซึ่งเป็นที่น่าดีใจว่าเพื่อนคนไทยส่วนมากเลื่อนไปชั้นสูงกว่าเรา และส่วนน้อยอยู่ชั้นต่ำกว่าเรา) นิสากับเพื่อนจึงมีโอกาสไปเที่ยวกับเพื่อนต่างชาติบ่อยมาก และนั่นก็ทำให้คะแนนของเราพุ่งสูงเป็นอันดับต้นๆ ของห้อง เพราะอยู่สองคนจึงต้องช่วยติวให้กัน สองเทอมสุดท้ายนิสาได้คะแนน 93% และ 96% ได้ใบประกาศเรียนดีและไม่เคยขาดเรียนด้วย ณ ตอนนี้นิสามีประกาศนียบัตรภาษาญี่ปุ่นถึงสองใบ(จากโรงเรียนและมหาวิทยาลัย)

นั่นคือสิ่งที่เราสองคนเรียนรู้ผ่านความผิดพลาด...

.

.

.

รู้จักผู้พันแซนเดอร์สกันใช่มั้ยคะ ต้นตำรับ KFC ที่เราๆ กินกันอยู่ทุกวันนี่แหละ รู้มั้ยว่าเขาประสบความสำเร็จในการขายไก่ทอดเมื่ออายุ 65 ปี แก่ไปสำหรับความสำเร็จมั้ยคะ? นิสาว่าไม่นะ เขาบอกว่าผู้พันเคยคิดฆ่าตัวตายเพราะตลอดทั้งชีวิตเขาไม่เคยพานพบกับคำว่า"สำเร็จ" แม้แต่ครั้งเดียว แต่พอคิดดูดีๆ เขากลับพบว่าตัวเองเก่งเรื่องทำอาหาร เขาจึงตัดสินใจไปที่ธนาคารเพื่อกู้เงิน ได้เงินมา 87 $ เขานำเงินนั้นไปซื้อไก่และกล่องกลับมาที่บ้าน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของไก่ KFC และเป็นความสำเร็จครั้งแรกในชีวิตของชายวัย 65 ปี

อีกหนึ่งคนคือ โทมัส อัลวา เอดิสัน คนที่ประดิษฐ์หลอดไฟหลอดแรกของโลกนั่นแหละค่ะ เขาเคยลองผิดลองถูกกว่าหนึ่งพันวิธีกว่าจะได้หลอดไฟหลอดนั้นมา หลายคนมองว่าเขาล้มเหลวพันครั้ง แต่เขากลับบอกว่า "ผมไม่ได้ล้มเหลวหนึ่งพันครั้ง ผมแค่ค้นพบหนึ่งพันวิธีที่ทำหลอดไฟไม่ได้เท่านั้นเอง" ปัจจุบันยังคงไม่มีใครทำลายสถิติการจดสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ของเขาได้เลย

ประวัติของคนที่ขึ้นชื่อว่าประสบความสำเร็จอันดับต้นๆ ของโลก ร้อยทั้งร้อยไม่มีใครประสบความสำเร็จตั้งแต่เริ่มต้นหรอกค่ะ ข้อมูลทางสถิติบอกว่า นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จนั้นมักจะพบกับความผิดพลาดโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3.8 ครั้ง แม้แต่บิล เกตส์ เจ้าของไมโครซอฟต์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกยังเคยถูกปฎิเสธจากแมคอินทอชตอนที่เขาไปสมัครงานเลย

"ถ้าเราไม่กลัวที่จะล้มเหลว ในโลกนี้ก็ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวอีกแล้ว" เป็นหนึ่งคำพูดของคุณหนูดีที่นิสาจำได้แม่นมาก แม้การนำมาปฎิบัติจะไม่ใช่เรื่องง่ายก็ตาม แต่อย่างน้อยเริ่มต้นที่ในห้องเรียนเราก็ยังดีกว่าไม่ได้เริ่มนะคะ กล้าคิด กล้าถาม โดยใช้ตรรกะที่สมเหตุสมผล อาจทำให้เราประสบความสำเร็จเร็วขึ้นก็ได้


  • ความล้มเหลวไม่ใช่เรื่องที่จะหลีกเลี่ยงได้ มันเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จต่างหาก

  • ความล้มเหลวหนึ่งครั้งไม่ได้เป็นตัวกำหนดทุกสิ่ง

  • คนที่จะบอกได้ว่าอะไรคือ "ความล้มเหลว" นั่นก็คือตัวเรา

  • ความล้มเหลว ไม่ใช่ศัตรู

  • ความล้มเหลว แก้ไขได้

  • ความล้มเหลวไม่ใช่รอยด่างพร้อยในชีวิต

  • ความล้มเหลวไม่ใช่บทสรุปสุดท้ายในชีวิต

..........................................................


ถ้ากล้าที่จะลองผิด ก็จะมีทางให้เราลองถูกได้เอง...คิดงั้นมั้ยคะ?















1 ความคิดเห็น:

  1. ใช่ ๆ
    ล้มเหลวแล้วสำเร็จ ดีกว่า สำเร็จแล้วล้มเหลว
    วิ้ว ๆ

    ตอบลบ